Categories
บทความ

วิธีทดสอบว่าพื้นที่ของเรา มีสัญญาณ 2G หรือไม่

ปัจจุบัน สัญญาณ 2G เริ่มใช้ไม่ได้ในบางพื้นที่ นาฬิกาติดตามตัวเด็ก เครื่องติดตามรถยนต์ GPS Trackker ต่างๆ ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยังใช้สัญญาณ 2G อยู่ เพราะฉะนั้น เราจะต้องตรวจสอบเสียก่อน ว่าพื้นที่ของเรา มีสัญญาณ 2G หรือไม่

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า นาฬิกาหรือเครื่องติดตามของเรา รองรับสัญญาณ กี่ G

บางร้านมักจะเขียนในรายละเอียดเลยว่าใช้สัญญาณกี่ G แต่บางร้านก็มักจะหลีกเลี่ยงคำ โดยหากรองรับแค่ 2G จะเขียนในรายละเอียดว่า

GSM: 850/900/1800/1900 mhz

หรือ

GSM: Band 2\3\5\

หากใช้ 4G จะเขียนว่า

LTE FDD: B1 B2 B3 B4 B5 B7 B20
WCDMA: Band 1\2\5\
GSM: Band 2\3\5\

ข้อเสียของนาฬิกาและเครื่องติดตาม GPS ที่ใช้ 2G

  1. บางพื้นที่จะไม่มีสัญญาณ หากเครื่องติดตามของเรา ไปในจุดที่ไม่มีสัญญาณ 2G ก็จะติดตามไม่ได้อีกต่อไป
  2. เครื่องติดตาม 2G พวกนี้จะสเปคต่ำกว่าเครื่องติดตามที่เป็น 4G

หมายเหตุ:
– หากไม่ต้องการเสี่ยงเรื่องนี้ มีสัญญาณทุกที่ แนะนำให้ซื้อ Trackkid 4G watch

SIM 4G-5G จะใช้ 2G ได้หรือไม่?

Sim 4G-5G ไม่มีอยู่จริง Sim ทุกอันใช้ 2G-5G ได้หมด จะใช้ได้หรือไม่ ขึ้นกับพื้นที่ล้วนๆ ว่ามีสัญญาณประเภทไหน และเครื่อง GPS ของเรารองรับหรือไม่

วิธีตรวจสอบว่ามีสัญญาณ 2G หรือไม่

*ทำได้กับมือถือ Andriod เท่านั้น ios ทำไม่ได้ เพราะ apple รวม 2G กับ 3G ไว้ด้วยกัน

  1. ไปที่ การตั้งค่า

หน้าจอมือถือแต่ละรุ่นอาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะนะครับ แต่มีฟังก์ชั่นนี้แน่นอนครับ

ไปที่ การตั้งค่า หรือ settings

2. ไปที่ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

ไปที่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

3. ไปที่ ข้อมูลมือถือ

4. ไปที่เครือข่ายที่ต้องการ –> GSM เท่านั้น

GSM ก็คือ 2G

จากนั้น ให้สังเกตที่สัญลักษณ์แสดงคลื่นด้านบน ถ้ายังมีคลื่นอยู่ ให้ลองโทรออกดู ถ้าโทรออกได้ ก็แปลว่าใช้ได้ครับ มีคลื่น 2G ถ้ามีตัว E ขึ้นมาด้วยยิ่งดีเลย

ต้องการเช็คทุกค่าย ทำอย่างไร

หากเราต้องการเช็คต่อ ว่ามีคลื่น 2G ของค่ายอื่นๆ หรือไม่ ให้ดำเนินการต่อจากเมื่อกี้ โดย

ไปที่ ผู้ให้บริการ

2. ปิดการเลือกเครือข่ายอัตโนมัติ

3. รอสักครู่ มือถือของเราจะแสดงว่ามีคลื่นอะไรบ้าง หากมีคลื่นโผล่มา นั่นคือ 2G (ไม่จำเป็นต้องมีคำว่า 2G ต่อท้าย)

TH GSM 2G คือ AIS

สรุป
หากมีสัญญาณ 2G คุณก็สามารถซื้อ นาฬิกา Trackkid ของเรา ที่ใช้สัญญาณ 2G ได้ครับ

Categories
บทความ

4 ประเภท นาฬิกากันเด็กหาย Smart Watch Kid ที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ

นาฬิกา GPS กันเด็กหายในตลาดไทยปัจจุบัน จะแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ใหญ่ๆ โดยสินค้าในหมู่เดียวกัน จะมีคุณสมบัติเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาก อาจจะแตกต่างในเรื่องรายละเอียดเล็กน้อย เช่น คนละแบบกัน กันน้ำได้ เป็นต้น โดยแต่ละหมวดหมู่จะมีรายละเอียดดังนี้

1. นาฬิกาโทรศัพท์เด็ก – LBS (2G) = นาฬิกากลุ่มนี้สามารถหาตำแหน่งแบบ LBS  (เสาสัญญาณมือถือ คลาดเคลื่อนได้หลายร้อยเมตร)ได้ แอบฟังได้ โทรเข้า รับสายได้ ส่งข้อความเสียงได้ ผู้ปกครองสามารถสั่งทุกอย่างผ่านแอปบนมือถือได้ทันที ซึ่งส่วนตัวแล้วการหาตำแหน่งแบบ LBS ไม่ได้บอกตำแหน่งที่เด็กอยู่จริง หากซีเรียสเรื่องตำแหน่งควรขยับไปรุ่นถัดไปดีกว่า นอกจากนั้นแล้ว นาฬิกาประเภทนี้มักมีราคาถูก และใช้สัญญาณ 2G ซึ่งบางพื้นที่มีสัญญาณแล้ว หากได้ไปก็มีโอกาสที่จะใช้งานไม่ได้ และเราก็จะส่งคืนไม่ได้ด้วย เพราะคนขายก็จะอ้างว่าบ้านคนขายใช้ได้ปกติดีเพราะมีสัญญาณ สินค้าไม่ได้เสียหายอะไร แต่หากต้องการซื้อจริงๆ อย่างน้อยก็ควรเช็คก่อนว่าพื้นที่ของเรามีสัญญาณ 2G หรือไม่

ปกติแล้ว ผู้ขาย มักจะหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า 2G ในรายละเอียดสินค้า โดยจะใส่คำเหล่านี้แทน
GSM: 850/900/1800/1900 mhz
หรือ
GSM: Band 2\3\5\

ฉะนั้นควรสังเกตให้ดี ถ้ามีเขียนคำไว้แค่นี้ นั่นคือรองรับแค่ 2G

อ่าน วิธีเช็คว่าพื้นที่ของเรามีสัญญาณ 2G หรือไม่

ถ้ารองรับ 4G จะเขียนแบบนี้ ให้สังเกตคำว่า LTE
LTE FDD: B1 B2 B3 B4 B5 B7 B20 
WCDMA: Band 1\2\5\ 
GSM: Band 2\3\5\


ตัวอย่างนาฬิกากันเด็กหายกลุ่มนี้ Trackkid DiveTrackkid Dive 2 

2.นาฬิกาโทรศัพท์เด็ก – GPS (2G) = นาฬิกากลุ่มนี้สามารถหาตำแหน่งแบบ GPS ได้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เด็กอยู่จริงๆ ดูประวัติย้อนหลังได้ ส่งข้อความเสียงได้ โทรเข้า รับสายได้ วัสดุ คุณภาพจะดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองดูผ่านแอปได้ทุกอย่าง แต่ข้อเสียของกลุ่มนี้นี้ หากอยู่ในตึกที่สัญญาณ GPS เข้าไม่ถึง นาฬิกาจะไปบอกตำแหน่งเป็น LBS เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้แทน นอกจากนี้แล้วนาฬิกากลุ่มนี้ ยังใช้สัญญาณ 2G อยู่

ตัวอย่างนาฬิกากันเด็กหายกลุ่มนี้ Trackkid Smart Watch 

นาฬิกา Trackkid Smart GPS Watch

3. นาฬิกาโทรศัพท์เด็ก 4G วีดีโอคอล = นาฬิกากลุ่มนี้จะลบจุดอ่อนของรุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด สามารถหาตำแหน่งตรงเป็น GPS นอกจากนั้นแล้วยังหาตำแหน่งในตึกได้ด้วยการจับสัญญาณ Wifi ใช้สัญญาณ 4G หมดปัญหาเรื่องไม่มีสัญญาณ ทำให้สามารถวีดีโอคอลแบบเห็นหน้าได้ เล่น LINE ได้ วีดีโอคอลผ่าน Line ได้เลย กันน้ำ เอาไปใช้ต่างประเทศด้วยก็ได้ เหมาะกับครอบครัว ที่กำลังจะพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ มี Google translate แปลภาษา หน้าจอจะมีความคมชัดมากกว่า สายจะเป็นซิลิโคน food grade ไม่ทำให้แพ้อีกด้วย

หากนา

ตัวอย่างนาฬิกากันเด็กหายกลุ่มนี้ Trackkid 4G, Trackkid 4G Dual, iMoo z2, iMoo z6

Trackkid 4G
Trackkid 4G Dual
imoo z2
imoo z6

4. นาฬิกาโทรศัพท์เด็ก – No GPS = นาฬิกากลุ่มนี้สามารถโทรเข้า รับสายได้ ไม่ต้องต่อแอปมือถือ ต้องใส่ซิม แต่จะไม่สามารถหาตำแหน่งของนาฬิกาได้ ข้อดีคือ จะมีฟังก์ชันในการใช้งานมากกว่านาฬิกาที่หาตำแหน่งได้ เช่น มีเครื่องคิดเลข มีเกมให้เล่น ใส่ memory card เพิ่มได้ อัดเสียง ถ่ายรูป แบตจะอึดกว่าและ เปลืองเงินน้อยกว่าแบบหาตำแหน่งได้

ตัวอย่างเช่น Trackkid Fun Watch


Trackkid Fun Watch
Trackkid Fun Watch

ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนะครับ ว่านาฬิกากันเด็กหายมีกี่ประเภท เลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณนะครับ หากมีข้อสงสัย อยากปรึกษาเพิ่มเติม ก็คลิกลิงค์ด้านล่างได้เลย